วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วิ่ง 31 ขา สพฐ ฿ ฮอนด้า สามัคคี ปี 7



 

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2554 โรงเรียนบ้านหนองตะเคียน หมู่ 12 ตำบลบ้านกรวด อำเภอบ้านกรวด สพป.บุรีรัมย์ เขต 2 บริหารโดย นายอภิชาติ หวังสวัสดิ์ปรีชา ได้นำนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง 31 ขา สพฐ. & ฮอนด้า สามัคคี ปี 7 ปี 2554 ในฐานะตัวแทน สพป.บุรีรัมย์ เขต 2 เข้ารับการคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ สนามกีฬากลางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นการสร้างวิสัยทัศน์ในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่ง และเพื่อสร้างเสริมความสามัคคีในกลุ่มนักเรียน ซึ่งนักเรียนได้ผ่านกิจกรรมด้วยความปลอดภัย ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สพป.บุรีรัมย์ เขต 2 กองทุนหมู่บ้าน กองทุนแม่ของแผ่นดิน ผู้ปกครองนักเรียน ตลอดจนห้างร้านและผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการเสริมสร้างคุณภาพอย่างยั่งยืน ขอให้ขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ ขอให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป

กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในหลวง



เด็ก ๆ โรงเรียนบ้านหนองตะเคียน หมู่ 12 ตำบลบ้านกรวด อำเภอบ้านกรวด สพป.บุรีรัมย์ เขต 2 นำโดย นายอภิชาติ หวังสวัสดิ์ปรีชา ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้นำคณะครูและนักเรียนเข้าร่วมพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา เมื่อวันพุธที่ 7 ธันวาคม 2554 ณ สวนสมเด็จย่าฯ เทศบาลตำบลบ้านกรวดปัญญาวัฒน์ และได้รับมอบพันธุ์ปลาชนิดต่าง ๆ เช่น ปลานิล ปลาใน และปลาตะเพียน เป็นต้น ซึ่งทางโรงเรียนได้นำไปปล่อยในสระน้ำของโรงเรียนเพื่อบำรุงรักษาให้เจริญพันธุ์ และเป็นอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

วิถีพอเพียง สู่สถานศึกษา


การถ่ายทอดภูมิปัญญามวยไทย
การดำเนินการตามแนวทางตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา มีขั้นตอนในการดำเนินการดังนี้
การถ่ายทอดภูมิปัญญาเรือมโจลมะม๊วด

๑. กำหนดนโยบายการจัดการศึกษาตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นนโยบายที่สำคัญของสถานศึกษา
๒. พัฒนาความรู้ความเข้าใจแก่ผู้บริหาร ครู กรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียน ตลอดทั้งส่งเสริมให้ปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๓. ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
๔. ทบทวนหรือปรับปรุงโครงสร้างและพัฒนาการบริหารจัดการตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๕. จัดทำ ปรับปรุง หรือเพิ่มเติมโครงการ กิจกรรม และปรับแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการประจำปีให้สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๖. ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษา
๗. จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรของสถานศึกษา
๘. จัดกิจกรรมตามแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม ของสถานศึกษา
๙. เสริมสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
๑๐. จัดระบบนิเทศ กำกับ ติดตามผล และรายงานการดำเนินงาน
๑๑. ให้ผู้ปกครองนักเรียน ชุมชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เข้ามามีส่วนร่วม


กิจกรรมการเลี้ยงหมูป่า

การถ่ายทอดภูมิปัญญาพานบายศรี




 
 


วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การเรียนรู้ด้วยการทำงาน...ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

     "เด็ก ๆ นอกจากจะต้องเรียนความรู้แล้ว ยังต้องหัดทำการงานและทำความดีด้วย เพราะการทำงานจะช่วยให้มีความสามารถ มีความขยันอดทนพึ่งตนเองได้ และการทำดีนั้นจะช่วยให้มีความสุขความเจริญ ทั้งป้องกันตนไว้ไม่ให้ตกต่ำ"  พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ประจำปี 2530

      การเรียนรู้ด้วยการทำงาน...ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนจะจัดกระบวนการเรียนการสอน เน้นให้นักเรียนรู้จักคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น นำประสบการณ์ประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ ด้วยความร่วมมือของผู้บริหารโรงเรียน ครู ผู้ปกครองนักเรียน และชุมชนท้องถิ่น บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นว่า เมื่อนักเรียนจบการศึกษาไปแล้ว สามารถมีทักษะอาชีพหรือทักษะการทำงานที่ดี ถ้ามีความตั้งใจ นักเรียนที่ทำงานมาก ปฏิบัติมาก ทั้งในและนอกห้องเรียน จะสามารถนำประสบการณ์ไปใช้ได้ จะช่วยให้ครูและนักเรียนมีความเพลิดเพลิน สนุกสนานกับการเรียน ขยัน อดทน และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ การดำเนินงานจะต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างชุมชน บ้าน วัด และโรงเรียน

     กิจกรรมใด ๆ ที่ทำ จะเน้นที่คุณธรรมมากกว่าระบบธุรกิจ สามารถบูรณาการการเรียนรู้ได้ทุกกลุ่มสาระการเรียน ให้โรงเรียนเป็นของชุมชน ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ามาช่วย โรงเรียนและชุมชนต่างก็เป็นวิทยาการหรือแหล่งการเรียนรู้ของกันและกัน เมื่อนักเรียนมีความพร้อม มีประสบการณ์ มีวิสัยทัศน์ที่ดี สามารถแก้ปัญหาได้ ย่อมสามารถนำความรู้และประสบการณ์ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
     กิจกรรมที่ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ มีดังนี้
     1. การปลูกผักสวนครัว
     2. การเลี้ยงปลาในบ่อปูน
     3. กิจกรรมสหกรณ์ร้านค้า
     4. กิจกรรมออมสินคุณหนู
     5. กิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมไทย
     6. กิจกรรมธนาคารขยะรีไซเคิล
     7. กิจกรรมเลี้ยงปลากินพืช
     8. กิจกรรมสวนยางพารา
     9. กิจกรรมผลิตปุ๋ยอินทรีย์

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

"วิถีพุทธ วิถีแห่งสากล"

     พุทธศาสนาเป็นระบบการศึกษา เป็นระบบการศึกษาที่สมบูรณ์ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในโลกมนุษย์ เป็นระบบการศึกษาที่พาดิ่งลึกเข้าไปในตัวตนอันกว้างใหญ่แห่งทุกข์ เป็นการศึกษาเพื่อมุ่งพัฒนาชีวิตในทุก ๆ ด้าน ดังตัวอย่างหลักธรรมที่ควรนำมาใช้ในการจัดการศึกษาในระดับสถานศึกษา คือ ๑. อิทธิบาท ๔ เป็นหลักธรรมที่ครูจะต้องปลูกฝังให้แก่ผู้เรียน และ ๒.พรหมวิหาร ๔ เป็นหลักธรรมที่เหมาะสมกับการครองตนครองงานของครูบาอาจารย์ทุกท่าน

อิทธิบาท 4
คำว่า อิทธิบาท แปลว่า เส้นทางแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรม เครื่องมือให้บรรลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ผู้หวังความสำเร็จในสิ่งใด ต้องทำตนให้สมบูรณ์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อิทธิบาท
ซึ่งจำแนกไว้เป็น ๔ คือ
๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น  คือ ความพอใจ ในฐานะเป็นสิ่งที่ ตนถือว่า ดีที่สุด ที่มนุษย์เรา ควรจะได้ ข้อนี้ เป็นกำลังใจ อันแรก ที่ทำให้เกิด คุณธรรม ข้อต่อไป ทุกข้อ
๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น  คือ ความพากเพียร หมายถึง การการะทำที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จนประสบ ความสำเร็จ คำนี้ มีความหมายของ ความกล้าหาญ เจืออยู่ด้วย ส่วนหนึ่ง
๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น คือ ความไม่ทอดทิ้ง สิ่งนั้น ไปจากความรู้สึก ของตัว ทำสิ่งซึ่งเป็น วัตถุประสงค์ นั้นให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า สมาธิ อยู่ด้วยอย่างเต็มที่
๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น  หมายถึง ความสอดส่องในเหตุและผลแห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ให้ลึกซึ้ง ยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า ปัญญา ไว้อย่างเต็มที่

พรหมวิหาร 4
คำว่า พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่
. เมตตา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขเกิดขึ้นได้ทั้งกายและใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์เพื่อการบริโภค ความสุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้ และความสุขเกิดจากการทำงานที่ปราศจากโทษ เป็นต้น
. กรุณา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความทุกข์ คือ สิ่งที่เข้ามาเบียดเบียนให้เกิดความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ และเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน พระพุทธองค์ทรงสรุปไว้ว่าความทุกข์มี 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
๒.๑ ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่และความตายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาในโลกจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมเรียกว่า กายิกทุกข์
๒.๒ ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อันเป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้วไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ รวมเรียกว่า เจตสิกทุกข์
. มุทิตา คือ ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี คำว่า "ดี" ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความเจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี จึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้น ไม่มีจิตใจริษยา ความริษยา คือ ความไม่สบายใจ ความโกรธ ความฟุ้งซ่านซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน เช่น เห็นเพื่อนแต่งตัวเรียบร้อยแล้วครูชมเชยก็เกิดความริษยา จึงแกล้งเอาเศษชอล์ก โคลน หรือหมึกไปป้ายตามเสื้อกางเกงของเพื่อนนักเรียนคนนั้นให้สกปรกเลอะเทอะ ฉะนั้น เราจึงต้องหมั่นฝึกหัดตนให้เป็นคนที่มีมุทิตา เพราะจะสร้างไมตรีและผูกมิตรกับผู้อื่นได้ง่ายและลึกซึ้ง
. อุเบกขา คือ การรู้จักวางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม คือ ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืนบุคคลผู้กระทำ เมื่อเราเห็นใครได้รับผลกรรมในทางที่เป็นโทษเราก็ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น เราควรมีความปรารถนาดี คือพยายามช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในลักษณะที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม


     ในความเป็นสากลแห่งพุทธศาสนา สำคัญต่อระบบการศึกษา จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ เกื้อหนุนการพัฒนาชีวิต นำไปสู่สัมมาทิฐิ ลดความรุนแรงยุ่งเหยิงบนโลก แต่เหตุใดกันเล่า ผู้คนที่ถือกำเนิดในแผ่นดินที่ความจริงสากลสำคัญนี้หยั่งรากลึกอยู่ จึงมัวคิดกังวลแต่เพียงว่า "สิ่งนี้ยังไม่ได้ถูกบัญญัติเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในรัฐธรรมนูญ"

ชยสาโรภิกขุ : วิถีพุทธ วิถีแห่งสากล...สาธุ

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พอเพียง


ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

                “เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทาง การดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำ แนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลง
                มีหลักพิจารณา ดังนี้
                กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็นโดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยและวิกฤติ เพื่อความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา
                คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
                คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะพร้อม ๆ กัน ดังนี้

                  1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกิดไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
                  2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
                  3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
                เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
                  1. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
                  2. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความชื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความพากเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
                  แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ
                  จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมสิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

รักการอ่าน

คนไทยยกย่อง "สมเด็จพระเทพฯ" ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของการรักการอ่าน

ผลสำรวจสวนดุสิตโพล คนไทยยกย่อง "สมเด็จพระเทพฯ" ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของการรักการอ่าน ขณะที่ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าวันที่ 2 เม.ย. เป็นวันรักการอ่าน ส่วนหนังสือดีในดวงใจ ได้แก่ หนังสือธรรมมะ ปรัชญา รองลงมา คือหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์...

เมื่อวันที่ 1 เม.ย.  สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เนื่องในวันรักการอ่าน 2 เม.ย. ของทุกปี เพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมการอ่านให้เกิดเป็นรูปธรรม สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 91.42 เห็นว่า ประเทศไทยควรมีวันรักการอ่าน เพราะเป็นการกระตุ้นและชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการปลูกฝังนิสัยให้คนไทยรักการอ่าน เป็นการรณรงค์ที่ดี ควรส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่านมากขึ้น ส่วนร้อยละ 60.98 ไม่รู้ว่าวันที่ 2 เม.ย. เป็นวันรักการอ่าน เพราะไม่ได้สนใจข่าวสาร ไม่ทราบว่ารักการอ่านเป็นอย่างไร

ส่วนทำไม? คนไทยจึงไม่ค่อยรักการอ่าน อันดับแรกเนื่องจากสภาพสังคม/สิ่งแวดล้อมรอบตัวของคนไทยในปัจจุบัน มีเรื่องเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง รองลงมาคือ ไม่ได้รับการปลูกฝังให้มีนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วัยเยาว์ ขาดต้นแบบ แบบอย่างที่ดีในการอ่าน และคนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ เพราะอ่านแล้วเบื่อ ไม่สนุก ง่วงนอน

สำหรับวิธีที่ทำให้คนไทยรักการอ่าน คือ ต้องส่งเสริมและปลูกฝังให้คนไทยรักการอ่านอย่างจริงจัง พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก ส่วนอย่างไรให้มีความสุข คือต้องอ่านในเรื่องที่ชอบ สนใจ และอยากอ่าน ทั้งนี้ ประโยชน์ที่จะได้รับ คือ ได้รับความรู้ประสบการณ์ใหม่ ที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้

ด้านหนังสือดีในดวงใจ เรียงตามลำดับ คือ หนังสือธรรมมะ ปรัชญา หนังสือชุดแฮรี่ พอตเตอร์ หนังสือบันเทิง นิตยสาร/นิยาย หนังสือสามก๊ก และหนังสือเพชรพระอุมา ส่วนนักเขียนในดวงใจ เรียงตามลำดับ คือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ทมยันตี ท่าน ว.วชิรเมธี และท่านพุทธทาสภิกขุ

เมื่อถามว่่า ใครที่เป็นแบบอย่างของการรักการอ่าน คนไทยยกย่อง "สมเด็จพระเทพฯ" ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของการรักการอ่าน ในภาคสังคม คือ พ่อแม่ ขณะที่นักการเมือง คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ส่วนดารา ได้แก่ แอน ทองประสม สุดท้ายเมื่อถามว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ส่งเสริมให้ประชาชนมีนิสัยรักการอ่านมากน้อยเพียงใด ร้อยละ 38.72 เห็นว่า รัฐบาลไม่ค่อยได้ส่งเสริม เพราะมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเมืองที่ยังวุ่นวายอยู่